วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วัดอนาลโยทิพยาราม


วัดอนาลโยทิพยารามแห่งดอยบุษราคัม อุทยานพระพุทธศาสนา อยู่ห่างจากตัวจังหวัด ๒๐ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๑ ไปตามทิศเหนือ มุ่งหน้าสู่อำเภอแม่ใจ ประมาณ ๗ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๑๑๒๗ และเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๑๑๙๓ ถ้าใช้เส้นทางทิศใต้ มุ่งหน้าสู่อำเภองาว จ.ลำปาง กิโลเมตรที่ ๔ สี่แยกแม่ต๋ำ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข ๑๑๙๓ ก็เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เดินทางไปสู่วัดอนาลโยทิพยาราม


วัดตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสันป่าบง หมู่ที่ ๖ ตำบลสันป่าม่วง อำเภอเมือง จ.พะเยา มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒,๘๐๐ ไร่ เริ่มการก่อสร้างโดย พระอาจารย์ไพบูลย์ สมังคโล ขณะทำรออยู่วัดรัตวนาราม ท่านมีปรากฏการณ์เห็นทรายทองไหลลงมาสู่วัดเป็นสายรังสี แสงของทรายทองที่ไหลพรั่งพรูราวกับสายน้ำนั้นอาบวัดทั้งวัดแทบจะกลายเป็นวัดทองคำ ท่านมองทวนลำแสงสีทองไป ก็เห็นเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยานั้นเอง จากนั้นได้มีโยมอารธนาไปดูสถานที่สำคัญและแปลกประหลาด เพื่อจะได้สร้างสำนักสงฆ์ไว้เป็นที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน คือชาวบ้านมักจะเห็นแสงสว่างเป็นดวงกลมล่องลอยไปมาอยู่บนดอยสูง แสงนั้นดูสว่างเรืองรอง บางทีก็สว่างจ้าเป็นสีเหลืองสดอาบทั้งดอยราวกับเป็น ดอยทองคำ เหตุการณ์เหล่านี้มักปรากฏในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เช่นวันพระ ๘ หรือ ๑๕ ค่ำ เป็นต้น หลังจากที่พิจารณาดูสถานที่แล้วเห็นว่าเป็นสถานที่สวยเหมาะสมแก่การเจริญเมตตาภาวนาเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะสร้างให้เป็นสถานที่พักปฎิบัติธรรม


สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ เป็นองค์ประธานพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๒๕ เวลา ๑๒.๔๕ น. จากนั้นก็ได้สร้างสิ่งต่างๆมาจนปรากฏเห็นอยู่ในปัจจุบัน แต่มีอุปสรรคสำคัญอยู่ประการหนึ่งที่ทำให้วัดต้องขบคิดหนักคือ “การขาดแคลนน้ำ” ระหว่างที่ท่านกำลังครุ่นคิดหาทางแก้ไข วันหนึ่งท่านพระอาจารย์ไพบูลย์ได้รับอาราธนานิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนต์ ณ พระที่นั่ง ไพศาลทักษิณในพระบรมหาราชวัง ขณะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรมมาถึงท่าน อาจารย์ทรงมีพระราชปฎิสันถารว่า “ทราบข่าวว่าท่านอาจารย์ได้ไปสร้างสำนักสงฆ์บนเขาสูงที่จังหวัดพะเยาทางฟาก กว๊าน คงจะขาดแคลนน้ำ ไม่เป็นไรผมจะปรึกษากรมชลประทานให้” วันพุธที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๒๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมนมัสการพระอาจารย์ไพบูลย์ สุมังคโล หัวหน้าสำนักสงฆ์อนาลโยเป็นการส่วนพระองค์ ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนั้น ทรงสราญพระราชหฤทัยเป็นที่ยิ่ง ทรงสนทนาธรรมแล้วทรงเสวยพระกระยาหารค่ำ ณ ที่ประทับรับรองของสำนักสงฆ์อนาลโย ประทับอยู่ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. จนถึงเวลา ๒๐.๐๐ น. จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับและได้ทรงมีพระราชดำริให้กรมชลประทานจัดสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ต๋อม และอ่างเก็บน้ำห้วยทับช้าง เพื่อผันน้ำมาใช้บนสำนักสงฆ์ และจ่ายไปยังไร่นาของประชาชน จึงนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมเป็นที่สุด

กระทรวงศึกษาธิการและมหากรุณาธิคุณ อนุญาตให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๐ และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้วัดอนาลโย ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๓๑ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทรงตัดลูกนิมิตอุโบสถและทรงเปิดวัดอนาลโยโดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างสิ่งทั้งหมดรวม ๖ ปีเศษ


สิ่งที่น่าสนใจ บริเวณวัดแบ่งเป็นเขตพุทธาวาสและสังฆาวาส มีสิ่งน่าสนใจดังนี้
เขตพุทธาวาส 
จากลานจอดรถเดินผ่านซุ้มประตูขึ้นสู่บันไดหิน พบสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่หลายสิ่ง ได้แก่

 
หอหลวงปู่ขาว อนาลโย
เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดถ้ำกลองเพล จ.อุดรธานี ที่พระเกจิที่พระอาจารย์ไพบูลย์ให้ความเคารพนับถือ

 
วิหารพระหมื่นปี 
อาคารมีขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิซึ่งเป็นพระประธาน ใช้เป็นที่ประชุมสงฆ์หรือปฏิบัติธรรม

 
พระนาคปรก 
ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ตรงข้ามวิหารพระหมื่นปี เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาว มีเศียรพญานาคอยู่ด้านหลัง

 
หอพระเงิน
เป็นอาคารไม้ลวดลายสวยงาม ไม่มีผนัง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปางลีลาจำนวนมาก แต่ละองค์สูงประมาณ ๕๐ ซม. และมีรูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หอพระมีระเบียงด้านหน้า ที่สามารถชมทิวทัศน์กว๊านพะเยา จากมุมสูงได้ ถัดจากหอพระขึ้นไปเป็นสถูป ใกล้ๆกันมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ นามว่าพระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคล ประดิษฐานกลางแจ้ง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาว หน้าตักกว้างราว ๑๐ เมตร มีรูปปั้นกระต่ายสองตัวอยู่ด้านหน้า

 
โบสถ์ ศิลปะล้านนา
หน้าบันประดับด้วยปูนปั้นลวดลายสวยงาม หางหงส์และใบระกาเป็นรูปพญานาค บันไดทางขึ้นเป็นปูนปั้นรูปพญานาคเช่นกัน พระประธานเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก แกะจากไม้ ด้านหลังโบสถ์มีเจดีย์ศิลปะล้านนา ประดับปูนปั้นสวยงาม

 
ขตสังฆาวาส
ระหว่างเขตพุทธาวาสและสังฆาวาส มีประตูไม้แกะสลักเป็นรูปพญานาคบานใหญ่กั้นในเขตสังศาวาส มีกุฏิสงฆ์อยู่ท่ามกลางแมกไม้ บรรยากาศสงบร่มรื่น มีหอพระโบราณและหอพระแก้ว เป็นที่เก็บรวบรวมพระพุทธรูปองค์เล็กอันมีค่า ได้แก่ พระแก้วมรกตจำลอง พระบุษราคัม และพระทองคำ ซึ่งทางวัดจัดเวรยามดูแลความปลอดภัยตลอด ๒๔ ชั่วโมง

 
อุทยานพระพุทธศาสนา
ตั้งอยู่บนเขาอีกลูกหนึ่งถัดจากตัววัด ต้องขับรถไปอีกราว ๒.๖ กิโลเมตร มีสิ่งก่อสร้างหลายแห่งเรียงรายไปตามภูเขา ที่สำคัญได้แก่ สังเวชนียสถาน ๔ จำลอง ซึ่งถอดแบบจากสวนลุมพินีสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ มีวิหารมายาเทวีและเสาอโศก รวมทั้งปูนปั้นรูปราชกุมารสิทธัตถะยืนชี้นิ้วมือข้างขวาขึ้นด้านบน มีดอกบัวศิลารองรับ พุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ สถูปสารนาถสถานที่ตรัสรู้ สถูปสารนาถสถานที่แสดงธรรมโปรดปัญจวัคคีย์ และกุสินาราสถานที่ปรินิพพาน

 
จุดสูงสุดที่รถเข้าถึงได้คือ บริเวณลานพระพุทธลีลา ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สูงใหญ่มองเห็นได้แต่ไกล เป็นพระพุทธรูปทองเหลืองขัดเงารมดำสูง ๒๕ เมตร ทางเข้าเป็นซุ้มประตูโขงและบันไดนาค บริเวณนอกเหนือจากนี้เป็นพื้นที่หวงห้ามเฉพาะคนภายใน ด้วยเป็นที่ตั้งของพระตำหนักภูตะวัน ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่รับรองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ คราวเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดอนาลโยฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น