วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ปี๋ใหม่บ้านเฮา

ปี๋ใหม่บ้านเฮา
ปี๋ใหม่บ้านเฮา
ปี๋ใหม่เมืองบ้านเฮาเวียนมาอีกหน ความสุขสนุกสนานความชุ่มฉ่ำกลับคืนมา การสืบทอดประเพณีที่ดีงามยังคงอยู่   13 เมษายน  “ วันสังขารล่อง ” คนบ่าเก่าก่อนเปิ่นบอกว่าอายุสิ้นปี๋หมดไปอีกปี ก่อนวันที่ 13 ผู้ใหญ่มักจะบอกเด็กๆ ว่าต้องทำความสะอาดบ้านให้เรียนร้อยเก็บกวาดเศษใบไม้ใบหญ้าไปกองไว้หน้าบ้านพรุ่งนี้เช้า “ ปู่สังขาร ” จะมาเก็บกวาดเอาเศษใบไม้ใบหญ้าที่เก็บกวาดไป  ถ้าเด็กๆ อยากเห็นปู่สังขาร ก็ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมารอดูปู่สังขาร พอถึงรุ่งเช้า ( เช้ามืด ) จะได้ยินเสียงประทัดเสียง สะโปก (เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียงคล้ายเสียงประทัดยักทำจากไม้ไผ่ ) เสียงพลุดังกึกก้องไปทั่วผู้ใหญ่มักจะบอกกับเด็กๆ ว่าเขาจุดไล่ปู่สังขาร    14 เมษายน  “ วันเน่า ” วันนี้ห้ามพูดในสิ่งไม่ดี ห้ามพูดหยาบคาย ห้ามด่าว่าร้ายผู้อื่นเพราะจะถือว่าไม่เป็นมงคล ให้พูดแต่ในสิ่งที่ดี ตั้งอกตั้งใจคิดดีทำดีพูดดี ช่วงเย็นแต่ละบ้านจะขนทรายเข้าวัด 15 เมษายน “ วันพญาวัน ” ถือเป็นวันเริ่มจุลศักราชใหม่ ช่วงเช้าผู้คนจะถือตุงไปปักไว้บนกองทรายที่ชาวบ้านช่วยกันขนมาไว้ จะทำบุญฟังเทศฟังธรรมถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ หลังจากเข้าวัดเสร็จเรียบร้อยแต่ละบ้านจะเดินสายรดน้ำดำหัวขอพรพ่อแก่แม่เฒ่าผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน พอถึงวันที่ 16 หรือวันปากปีวันนี้จะมีการส่งเคราะห์บ้านชาวบ้านจะนำดอกไม้ ธูปเทียน ขนม ผลไม้ หมาก เมี่ยง บุหรี่ ของคาวหวาน แล้วทุกคนก็จะช่วยกันทำสะตวง ช่วยกันแต่งดาสะตวง และทุกคนก็จะเอาของที่แต่ละบ้านเตรียมมาเอามารวมกัน จากนั้นทุกคนทุกหลังคาเรือนนำเสื้อผ้า ที่ใช้เป็นประจำของคนในบ้านไปเข้าพิธี โดยการพับวางซ้อนกัน ปู่จารย์(มัคนายก)ผู้ประกอบพิธียกสะตวงวางทับเสื้อผ้า แล้วกล่าวคำโอกาสสะเดาะเคราะห์ เมื่อจบแล้วยกสะตวงออก ปู่จารย์หยิบผ้าทุกชิ้นสะบัดใส่สะตวง ทำดั่งกับให้สิ่งไม่ดีตกลงไปในสะตวง จากนั้นนำสะตวงออกไปวางไว้ข้างถนนหรือทางแยกหลังเสร็จพิธี ทุกคนในหมู่บ้านก็จะเอาทรายและน้ำส้มป่อยที่ผ่านพิธีกรรมในวัดกลับไปบ้านของตนและก็เอาทรายหว่านทั่วบริเวณบ้าน และก็เอาน้ำส้มป่อยปะพรมทั่วบ้านเรือน และจากนั้นก็เอาด้ายสายสิญจน์ที่มัดฝักส้มป่อยและใบหนาดมาผูกขวางไว้ที่หน้าบ้านของตนเอง
หลายๆ คนรอคอยวันปีใหม่ให้แวะเวียนมา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข หวนกลับมาอีกครั้งเมื่อวัน “ ปี๋ใหม่เมือง ” มาถึง การรอคอยสิ้นสุด ลูกหลานได้กลับมาเยือนบ้านเกิดและได้หอบหิ้วเอาความคิดถึงความห่วงใยกลับมาซบอิ่มไออุ่น ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักตรากตรำได้จางหายเมื่อได้พบกับบุคคลอันเป็นที่รัก ได้มาพบปะพูดคุยกับญาติสนิทมิตรสหายที่ไม่ได้พบกันมานานและที่สำคัญได้กลับมาร่วมสืบสานประเพณีดีงามที่บรรพบุรุษได้เคยทำสืบทอดต่อๆ กันมาช้านานให้ยังคงและดำรงอยู่ต่อไปตรบนานเท่านาน
ม่วนใจ๋ปี๋ใหม่บ้านเฮา
ม่วนใจ๋ปี๋ใหม่บ้านเฮา
เสน่ห์ปี๋ใหม่บ้านเฮา
เสน่ห์ปี๋ใหม่บ้านเฮา
รอยยิ้มเสียงหัวเราะในวันปี๋ใหม่
รอยยิ้มเสียงหัวเราะในวันปี๋ใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น